แน่นอนว่าทุกบ้านย่อมมีหลอดไฟไว้คอยให้แสงสว่างแก่ตัวบ้าน ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน แต่เชื่อไหมว่าการเลือกประเภทของหลอดไฟมีผลต่อความรู้สึกและอารมณ์ของผู้อยู่อาศัยเช่นกัน หากลองคิดตามเล่น ๆ สมมติว่ามีห้องอยู่ 2 ห้อง ตกแต่งเหมือนกันทุกอย่าง แต่เลือกใช้หลอดไฟคนละประเภท คนละโทนสี แต่ละห้องจะสื่ออารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างแน่นอน วันนี้ HomeTricks เคล็ดไม่ลับเรื่องบ้าน มาแนะนำให้รู้จักกับหลอดไฟแต่ละประเภทกัน จะเป็นอย่างไร เราไปดูกัน !!
ประเภทของหลอดไฟ
1. หลอดไส้ : Incandescent (อินแคนเดสเซนต์)
ตัวแรกเลยคือหลอด Incandescent (อินแคนเดสเซนต์) หรือที่รู้จักกันดีคือ “หลอดไส้” เป็นการสร้างแสงจากความร้อนเพื่อทำให้เกิดแสงสว่างภายในหลอดไฟ ซึ่งหาซื้อได้ง่าย ราคาถูก แต่ปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นหลอดไฟที่ค่อนข้างกินไฟ อายุการใช้งานสั้น และยังมีความร้อนสูงอีกด้วย
2. หลอดตะเกียบ : Compact Fluorescent (คอมแพคฟลูออเรสเซนต์)
แบบที่สองคือหลอดไฟแบบ Compact Fluorescent (คอมแพคฟลูออเรสเซนต์) หรือ”หลอดตะเกียบ” เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าทำปฏิกิริยากับสารเคมีภายในหลอดไฟ ทำให้เกิดแสงสว่าง และเป็นหลอดไฟที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีอายุการใช้งานยาวนาน ให้แสงสว่างมาก แต่ให้ความร้อนน้อยกว่า และประหยัดไฟได้ 75% – 80% ของหลอดไส้
3. หลอด LED (แอลอีดี)
แบบที่สามคือหลอดไฟแบบ LED (แอลอีดี) เป็นหลอดไฟที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นหลอดไฟที่มีประสิทธิภาพสูง เกิดความร้อนน้อย จึงทำให้ประหยัดพลังงาน และมีอายุการใช้งานที่นานอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันราคาก็แทบไม่ต่างจากหลอดตะเกียบ ที่สำคัญหลอด LED เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยไม่มีการปล่อยรังสี UV ที่ทำร้ายผิวรวมถึงสายตาของเราอีกด้วย
หลังจากที่รู้ถึงประเภทของหลอดไฟไปแล้ว ต่อไปจะขอแนะนำโทนสีของแสงไฟ อย่างที่บอกไปว่าการเลือกโทนสีของหลอดไฟในแต่ละห้องนั้น ส่งผลต่อความรู้สึกและอารมณ์ของผู้ที่อยู่อาศัยด้วย
ซึ่งโทนสีของหลอดไฟโดยทั่วไปจะมีอยู่ด้วยกัน 3 โทนได้แก่
- Warm White : เป็นแสงในโทนส้ม ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการใช้ในห้องรับแขก ห้องน้ำ ห้องนอน แต่ควรหลีกเลี่ยงโทน Warm White ในพื้นที่ของห้องแต่งตัวหรือโซนแต่งหน้า เพราะแสงนี้จะทำให้สีของสิ่งที่เราเห็นนั้นผิดเพี้ยนไป
- Cool White : แสงโทนสีขาวสว่างสดใส โทนสีเย็นดูแล้วสบายตา อยู่กึ่งกลางระหว่าง Warm White กับ Day Light เหมาะกับการใช้งานได้ทั่วไป ใช้ได้กับทุกห้องโดยเฉพาะห้องน้ำ แต่นิยมใช้กันในร้านค้าต่าง ๆ เพื่อช่วยให้สีสันของสินค้าดูสดใสกว่าความเป็นจริง
- Day Light : โทนแสงสีขาวอมฟ้า เป็นโทนสีมาตรฐานที่มักนิยมเลือกใช้กันทั่วไป ใกล้เคียงแสงธรรมชาติ สามารถช่วยให้มองเห็นสิ่งรอบ ๆ ได้อย่างชัดเจน และไม่ทำให้สีของวัตถุผิดเพี้ยน เหมาะกับการใช้งานหลายห้องในบ้าน ทั้งในห้องน้ำ ห้องครัว ห้องทำงาน หรือไฟติดกระจกสำหรับแต่งหน้า
เมื่อได้รู้จักโทนสีของหลอดไฟแล้ว สุดท้ายเรามีทริคที่อยากจะฝากให้กับทุกคนสำหรับการเลือกซื้อหลอดไฟแต่ละประเภท
1. ขั้วของหลอดไฟ : ต้องดูให้ดีว่าที่บ้านหรือจุดที่เราจะเปลี่ยนเป็นขั้วแบบไหน เป็นขั้วแบบเกลียวหรือแบบเขี้ยว แบบเกลียวที่นิยมมากที่สุดคือ E14 และ E27 ส่วนแบบเขี้ยวจะมีตั้งแต่ G4 – G12
2. การเลือกหลอดไฟให้ประหยัดพลังงานและกำลังวัตต์ที่เหมาะสมกับแต่ละจุด : จำนวนวัตต์จะแสดงถึงความสว่างที่มากหรือน้อยของหลอดไฟ ยิ่งมีจำนวนวัตต์สูงก็ยิ่งมีความสว่างและกินไฟตามไปด้วย ดังนั้นควรดูให้ดีว่าจุดไหนต้องการไฟที่สว่างมาก จุดไหนไม่ต้องพึ่งความสว่างมากเท่าไหร่ ลองเปรียบเทียบได้จากการใช้งานของคุณเอง
3. การเลือกหลอดไฟที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย : ควรเลือกหลอดไฟที่ผ่านมาตรฐาน มอก. เป็นการการันตีคุณภาพของหลอดไฟนั้น และมีฉลากเบอร์ 5 เพื่อมั่นใจในความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน
เป็นอย่างไรกันบ้าง กับประเภทของหลอดไฟและทริคการเลือกหลอดไฟ ที่ HomeTricks เคล็ดไม่ลับเรื่องบ้าน นำมาแชร์ให้กับทุกคน ซึ่งการเลือกหลอดไฟนั้นควรดูองค์ประกอบของห้องรวมถึงเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของที่ตกแต่งหรือติดตั้งในห้องนั้น ๆ ด้วย โดยอาจขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับการเลือกซื้อหลอดไฟของคุณ ทั้งนี้หากไม่อยากพลาดบทความไอเดียแต่งบ้านและเทคนิคเกี่ยวกับบ้านติดตามได้ที่นี่ HomeTricks เคล็ดไม่ลับเรื่องบ้าน