หากคุณกำลังเจอปัญหาเรื่องการเลือกวัสดุปูพื้น หมดกังวลได้เลยวันนี้ HomeTricks เคล็ดไม่ลับเรื่องบ้าน มีคำตอบมาฝากทุกคน ในปัจจุบัน วัสดุปูพื้น บ้านนั้นก็มีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายสไตล์ ให้เลือกมากมาย และแต่ละแบบนั้นก็มีทั้งข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งวัสดุปูพื้นบ้านจะมีแบบไหน มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย !
วัสดุปูพื้นแต่ละชนิด
1.พื้นกระเบื้อง
วัสดุปูพื้น ชนิดแรกที่เรานำมาแนะนำ คือ พื้นกระเบื้อง ซึ่งพื้นกระเบื้องถือเป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย เพราะด้วยความแข็งแรง ทนทาน หาซื้อได้ง่ายและมีราคาถูก อีกทั้งวัสดุปูพื้นชนิดนี้ยังสามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอีกด้วย โดยพื้นกระเบื้องนั้นก็มีให้เลือกซื้อหลากหลายประเภทซึ่งแต่ละประเภทนั้นก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่
- กระเบื้องดินเผา (Earthenware Tile) เป็นประเภทของพื้นกระเบื้องที่ผลิตมาจากดินเหนียว โดยผ่านการเผาด้วยความร้อน มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอมแดง ข้อดีของกระเบื้องดินเผา คือ ป้องกันความลื่นได้ดี
- กระเบื้องเซรามิก (Ceramic Tile) เป็นกระเบื้องดินเผา หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กระเบื้องเคลือบ ซึ่งกระเบื้องชนิดนี้จะมีลวดลายให้เลือกหลากหลายแบบ อีกทั้งยังสามารถเลือกใช้ได้ทั้งพื้นบ้านและผนังบ้าน ข้อดีคือ จะมีความแข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย แต่จะไม่ทนต่อรอยขีดข่วน
- กระเบื้องพอร์ซเลน (Glazed Porcelain Tile) เป็นกระเบื้องเคลือบชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของดินขาวและแร่อื่น ๆ เช่น หินเขี้ยว หนุมาน ดินดำ ไชน่าสโตน และแร่หินฟันม้า เป็นต้น จากนั้นนำไปเผาด้วยอุณหภูมิสูงถึง 1300 องศา ให้เป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น จุดเด่นของกระเบื้องชนิดนี้คือ แข็งแรงและดูดซึมน้ำต่ำ
- กระเบื้องแกรนิตโต้ (Granito Tile) เป็นกระเบื้องที่มีส่วนผสมของผงหินแกรนิต แล้วนำไปผ่านการเผาด้วยความร้อนสูง มีข้อดี คือ มีความแข็งแรงทนทานสูง
- กระเบื้องโมเสค (Mosaic Tile) เป็นกระเบื้องแผ่นเล็ก ๆ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้งแบบหิน เซรามิก หรือแบบแก้ว โดยข้อดี คือ ทนทาน สีไม่ตก ทำความสะอาดง่าย และสามารถติดตั้งให้มีรูปแบบต่าง ๆ ได้ตามความต้องการอีกด้วย
ข้อดีของ วัสดุปูพื้น พื้นกระเบื้อง
- มีความแข็งแรง ทนต่อความชื้นและความร้อนสูง
- ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย
- มีโทนสีและลวดลายให้เลือกหลายหลากแบบ
- ทำความสะอาดได้ง่าย
ข้อเสียของพื้นกระเบื้อง
- ถ้าหากต้องการรื้อกระเบื้องออกจะไม่สามารถนำกระเบื้องมาใช้งานใหม่ได้อีก
- ไม่สามารถรับน้ำหนักมากได้ เพราะถ้าหากรับน้ำหนักมากจะทำให้เกิดรอยแตกร้าวได้
- หากติดตั้งไม่ถูกวิธี อาจก่อให้เกิดความชื้นสะสมใต้พื้นกระเบื้องได้ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหากระเบื้องโก่งตัวหรือระเบิดได้
2.วัสดุปูพื้น พื้นไม้จริง
วัสดุปูพื้นชนิดต่อไป คือ พื้นไม้จริง ซึ่งพื้นไม้จริงนั้นเป็นวัสดุปูพื้นที่ผลิตจากไม้ธรรมชาติ โดยไม้ที่นิยมนำมาใช้งาน ได้แก่ ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้เต็ง ไม้แดง และไม้จากต่างประเทศ เช่น ไม้โอ๊ค ไม้บีช ไม้เมเปิ้ล เป็นต้น ซึ่งข้อดีของพื้นไม้จริง คือ มีความแข็งแรงทนทาน และอายุการใช้งานยาวนาน
ข้อดีของพื้นไม้จริง
- มีความแข็งแรง ทนทาน
- มีความสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งการใช้พื้นไม้จริงมาตกแต่งจะช่วยทำให้บ้านดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้น
- สามารถขัดทำสีได้ หากเกิดรอยขีดข่วน
ข้อเสียของพื้นไม้จริง
- ราคาสูง
- ไม่ทนต่อความชื้น อีกทั้งยังไม่ทนต่อไฟและไม่ป้องกันไฟลาม
- การดูแลรักษายาก เสี่ยงต่อปัญหาเรื่องปลวกและแมลง
3. พื้นกระเบื้องยาง
พื้นกระเบื้องยาง เป็นวัสดุปูพื้นที่ถูกผลิตขึ้นมาจากโพลิเมอร์ชนิดหนึ่ง เหมาะสำหรับการปูพื้นโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นกระเบื้องที่ง่ายต่อการดิดตั้ง โดยติดตั้งด้วยระบบ Click Lock ที่มาพร้อมกับแผ่นกระเบื้อง หรือติดตั้งด้วยการทากาว ซึ่งกระเบื้องยางก็จะมีหลากหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติ หรือ ราคาที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานโดยสามารถแบ่งได้เป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
- กระเบื้องยาง SPC (Stone Plastic Composite) เป็นกระเบื้องยางที่ผลิตมาจาก PVC และหินปูน มีความแข็งแรง ทนต่อการขีดข่วน ทนต่อความชื้น และไม่ยืดหดตัว
- กระเบื้องยาง LVT (Luxury Vinyl Tile) เป็นกระเบื้องยางที่ผลิตจากไวนิล มีความยืดหยุ่นสูง และรองรับแรงกระแทกได้ดี
ข้อดีของพื้นกระเบื้องยาง
- ติดตั้งง่าย และสามารถติดตั้งได้ด้วยตนเอง
- มีลวดลายให้เลือกหลากหลายรูปแบบ
- ป้องกันปลวกและแมลงได้ดี และทนต่อความชื้น
- วิธีการดูแลรักษาง่าย
ข้อเสียของพื้นกระเบื้องยาง
- ไม่ทนต่อสารเคมีบางชนิด ที่อาจทำให้พื้นบ้านเสียหายได้
- ไม่เหมาะกับการลากถูสิ่งของบนพื้น เพราะจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้
4. พื้นไม้ลามิเนต
พื้นไม้ลามิเนต เป็นวัสดุปูพื้นที่ใช้ทดแทนไม้พื้นธรรมชาติ ผลิตมาจากเศษไม้ ผงไม้บดที่ได้จากไม้เนื้อแข็ง มาผ่านกระบวนการบีบอัดและผสมสารพิเศษอื่น ๆ ซึ่งพื้นไม้ลามิเนตมีความแข็งแรงทนทานสูง มีอายุการใช้งานประมาณ 10-15 ปี โดยพื้นบ้านชนิดนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะมีราคาถูก ติดตั้งง่าย และยังมีลวดลายไม้สวยงามเหมือนกับไม้จริงอีกด้วย
ข้อดีของพื้นไม้ลามิเนต
- มีลวดลายให้เลือกที่หลากหลาย
- ติดตั้งได้ง่าย
- รับน้ำหนักได้ดี ทนต่อการขีดข่วน
ข้อเสียของพื้นไม้ลามิเนต
- ไม่ทนต่อความชื้น
- อาจเกิดปัญหาปลวกได้ หากเลือกใช้วัสดุที่ได้ไม่คุณภาพ
5. พื้นหินธรรมชาติ
พื้นหินธรรมชาติ เป็นวัสดุปูพื้นที่มีลวดลายสวยงามเป็นธรรมชาติ มีความแข็งแรงทนทาน ซึ่งพื้นหินธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นพื้นหินแกรนิตหรือพื้นหินอ่อนก็เป็นอีกหนึ่งวัสดุธรรมชาติที่นิยมนำมาปูพื้นบ้านเช่นกัน อย่างหินแกรนิตก็เป็นหินที่มีข้อดีในเรื่องของความแข็งแกร่ง แต่พื้นหินอ่อนนั้นก็จะให้ความรู้สึกที่หรูหรามากกว่า และเนื่องจากพื้นหินธรรมชาติเหล่านี้เป็นวัสดุจากธรรมชาติ จึงทำให้หายาก และมีราคาสูง
ข้อดีของพื้นหินธรรมชาติ
- มีความแข็งแรง ทนต่อรอยขีดข่วน มีอายุการใช้งานยาวนาน
- มีลวดลายหินธรรมชาติให้เลือกหลากหลายแบบ
- ช่วยให้บ้านมีเอกลักษณ์ และหรูหรามากยิ่งขึ้น
- ช่วยให้อุณภูมิในบ้านเย็นมากยิ่งขึ้น
ข้อเสียของพื้นหินธรรมชาติ
- ราคาสูง
- ดูแลรักษาได้ยาก ไม่ทนต่อกรดและสารเคมี
- หากโดนแสงแดดเป็นเวลานาน อาจทำให้สีซีดจางได้
6. พื้นปูนขัดมัน
พื้นปูนขัดมัน หรือพื้นฟลอร์ฮาร์ด คือการตกแต่งหน้าพื้นผิวด้วยคอนกรีตรูปแบบหนึ่ง ซึ่งทำให้พื้นผิวที่ได้มีลักษณะมัน และเงางาม แต่ยังคงสีสันของปูนซีเมนต์เอาไว้ เป็นพื้นที่นิยมใช้ในเชิงอุตสาหกรรมหรือพื้นที่มีการสัญจรผ่านบ่อย ๆ อย่างลานจอดรถ เพราะมีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก โดยพื้นชนิดนี้ก็สามารถนำมาใช้เป็นพื้นบ้านได้เช่นกัน ซึ่งจะเหมาะกับการแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์
ข้อดีของพื้นปูนขัดมัน
- มีความแข็งแรง ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ รองรับน้ำหนักได้ดี
- มีความสวยงาม เหมาะแก่การแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์
- ดูแลรักษาและทำความสะอาดได้ง่าย
ข้อเสียของพื้นปูนขัดมัน
- พื้นผิวค่อนข้างลื่นและเย็น ไม่เหมาะกับบ้านที่มีผู้สูงอายุ
เมื่อได้ทราบข้อดีข้อเสียของวัสดุปูพื้นแต่ละชนิด ที่ HomeTricks เคล็ดไม่ลับเรื่องบ้าน นำมาแนะนำแล้ว เพื่อน ๆ คงจะทราบแล้วว่าควรเลือกวัสดุปูพื้นแบบไหนที่จะเหมาะกับบ้านของคุณ ทั้งนี้ไม่พลาดบทความไอเดียแต่งบ้านและเทคนิคเกี่ยวกับบ้านติดตามได้ที่นี่ HomeTricks เคล็ดไม่ลับเรื่องบ้าน